วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556

อุปกรณ์เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์

1.โทรศัพท์มือถือ (Mobile)    


ข้อมูล
1.จอแสดงผลแบบ Full HD Super AMOLED Capacitive Touchscreen 16,700,000 สี ความละเอียด 1920x1080 Pixels (Full HD 1080p : กว้าง 4.99 นิ้ว : 441 ppi) พร้อมฟังก์ชัน Smart Scroll, Smart Pause, Air Gesture และ Air View
2.ประมวลผลการทำงานด้วยชิปเซ็ต Exynos 5 Octa 5410 (1.6 GHz Octa-Core Processor) (ซีพียูแบบ Quad-Core Cortex-A15 ความเร็วในการประมวลผล 1.6 GHz และ Quad-Core Cortex-A7 ความเร็วในการประมวลผล 1.2 GHz)
3.หน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูลขนาด 16 GB, 32 GB หรือ 64 GB และ RAM ขนาด 2 GB พร้อมรองรับการ์ดหน่วยความจำเสริมภายนอกแบบ microSD Card (TransFlash) ได้สูงสุดขนาด 64 GB
4.เชื่อมต่อ HTML Browser ผ่านระบบ WiFi, LTE Cat3, HSPA+, EDGE หรือ GPRS พร้อมการเชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่าน NFC, Infrared และ Bluetooth
5.กล้องดิจิตอลตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 13 ล้าน Pixels พร้อมกล้องดิจิตอลขนาดเล็กที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ความละเอียดระดับ 2 ล้าน Pixels

ประโยชน์

1. หมายเลขสากลฉุกเฉิน 112 ใช้ได้ทั่วโลกถ้าเกิดเราหลงไปอยู่ในเขตที่ไม่มีสัญญาณเลย แต่มีเหตุด่วนเหตุร้ายให้ กด 112 แล้วมันจะหาเบอร์ให้เองอัตโนมัติแม้แต่เราล็อคปุ่มก็ยังกด เบอร์นี้ได้
2. ใช้ในกรณีที่ลืมกุญแจไว้ในรถ...สำหรับรถที่ใช้ RemoteKey ถ้า รถล็อคไปแล้ว แต่เรามีกุญแจสำรองอยู่ที่บ้าน ให้โทรไปหาคนที่อยู่ที่บ้านด้วยมือถือ (เราต้องโทรไปหาเบอร์มือถือของเขาด้วยนะ) เมื่อเขารับแล้วให้เราบอกเขา ให้กดปุ่ม unlock บนกุญแจสำรองในขณะที่เราถือมือถือให้ห่างจากประตูรถประมาณ 1 ฟุต (คน ที่อยู่บ้านที่เราวานให้กดต้องเอากุญแจไปจ่อใกล้กับมือถือของเขาในขณะที่กด ปุ่ม) ประตูรถก็จะเปิดออกเหมือนเรากดปุ่มรีโมทด้วยตัวเองเลยแหละระยะทางไม่มีปัญหา แม้รถกับบ้านจะอยู่ห่างกันเป็นร้อยๆ กม. ก็ตาม
3. กรณีแบ็ตใกล้จะหมด * 3370# สำหรับมือถือ Nokiaถ้าเกิดถ่านเหลือน้อยเต็มทีจนใกล้ดับแต่เราจำเป็นต้องโทรออกให้กด *3370# มันจะรีดพลังสำรองที่ซ่อนออกมาแล้วแสดงให้เห็นว่า เพิ่มพลังถ่านให้ขึ้นมาอีก 50% และมันจะชดเชยส่วนสำรองนี้ในการชาร์จแบตครั้งต่อไป
4. ถ้าโทรศัพท์หายต้องการทำให้ใช้ไม่ได้ตลอดไปในกรณีนี้เราต้องใช้ หมายเลข serial number ประจำเครื่อง ซึ่งมี 15- 17 หน่วย การที่จะทราบหมายเลขนี้ก็ไม่ยากครับ กด *#06# แล้ว หมายเลขประจำเครื่องก็จะขึ้นมาให้เห็นทันทีเหมือนเล่นกล จดไว้ครับแล้วเก็บไว้ให้ดี....ที่นี้ถ้ามือถือหายหรือตกหล่นให้โทรไปที่ ศูนย์แล้วแจ้งหมายเลขให้เขาไปเขาก็จะบล็อคเครื่องของเราให้แล้วทีนี้มือถือ ที่หายไปจะใช้ไม่ได้อีก  เลย ถึงแม้ว่าคนขโมยไปจะเปลี่ยน sim card มันก็จะยัง ใช้ไม่ได้อยู่ดีได้อย่างเดียวคือไว้เขวี้ยงหัวหมาหรือหลังคาคนอื่น


2.ปากกาแสง (Light Pen)

ข้อมูล
เป็นอุปกรณ์รับข้อมูลอีกชนิดหนึ่งที่มีเซลล์แบบ photoelectric ซึ่งมึความไวต่อแสงทำงานคล้ายกับเมาส์ที่ใช้ในการติดต่อกับคอมพิวเตอร์มีรูปร่างเหมือนปากกาและมีแสงอยู่ตอนปลาย มีสายที่สามารถเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ได้โดยที่ปลายข้างหนึ่งของปากกาจะมีสายเชื่อมที่สามารถต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์ การใช้งานทำได้โดยการแตะปากกาแสงไปบนจอภาพตามตำแหน่งที่ต้องการ ตำแหน่งที่ต้องการ

ประโยชน์
นิยมใช้กับงานคอมพิวเตอร์ในการออกแบบ (Computer Aided Design หรือ CAD) การวาดภาพสำหรับงานกราฟิก รวมทั้งยังนิยมใช้เป็นอุปกรณ์ป้อนข้อมูลโดยการเขียนด้วยมือและจิ้มเลือกเมนูรายการที่ต้องการบนหน้าจอ เพื่อส่งผ่านข้อมูลการเลือกนั้นให้กับโปรแกรมที่อยู่ในหน่วยความจำ นอกจากนี้ยังมีการใช้ปากกาแสงกับเครื่องคอมพิวเตอร์ชนิดพกพาหรือปาล์มท็อปอย่างแพร่หลายด้วย เช่น PDA ข้อดีของปากกาแสง คือ สามารถจี้ไปบนจอภาพโดยตรงเพื่อบอก

วันพุธที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2556

อุปกรณ์พื้นฐานคอมพิวเตอร์

คีย์บอร์ด (Keyboard)
- เป็นอุปกรณ์ในการรับข้อมูลที่สำคัญที่สุด มีลักษณะคล้ายแป้นพิมพ์ ของเครื่องพิมพ์ดีด มีจำนวนแป้น 84 - 105 แป้น ขึ้นอยู่กับแป้นที่เป็น กลุ่มตัวเลข (Numeric keypad) กลุ่มฟังก์ชัน (Function keys) กลุ่มแป้นพิเศษ (Special-purpose keys) กลุ่มแป้นตัวอักษร (Typewriter keys) หรือกลุ่มแป้นควบคุมอื่น ๆ (Control keys) ซึ่งการสั่งงานคอมพิวเตอร์และการทำงานหลายๆ อย่างจำเป็นต้องใช้แป้นพิมพ์เป็นหลัก



วันอังคารที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2556

งานที่มอบหมาย ม.6/4

1.จงบอกประเภทของสารสนเทศว่ามีกี่ข้ออะไรบ้าง

ระบบสารสนเทศสามารถจำแนกได้ตามลักษณะการดำเนินงานได้ดังนี้

1.ระบบสารสนเทศแบบประมวลรายการ(TPS:Transaction Processing Systems )

2.ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ (MIS:Management Information System)

3.ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ(DSS:Decision Support System)

4.ระบบสนับสนุนการตัดสินใจแบบกลุ่ม (GDSS:Group Decision Support System)

5.ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS:Geographic Information System )

6.ระบบสารสนเทศเพื่อผู้บริหารระดับสูง(EIS:Excutive Information System)

7. ปัญญาประดิษฐ์ (AI:Artificial Intelligence)

8.ระบบสำนักงานอัตโนมัติ(OAS: Office Automation System)


2.จงบอกลักษณะ ข้อดีข้อเสีย ข้อแตกต่างของ EIS กับ GDSS

EIS คือ ระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจของบุคคล


GDSS คือ ระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจแบบกลุ่ม



  ลักษณะเด่นของ EIS
1ไม่จำเป็นต้องมีทักษะทางคอมพิวเตอร์สูง
2 ระบบสามารถใช้งานได้ง่าย
3 มีความยืดหยุ่นสูง จะต้องสามารถเข้ากันได้กับรูปแบบการทำงานของผู้บริหาร
4 การใช้งาน ใช้ในการตรวจสอบควบคุม
5 การสนับสนุนการตัดสินใจ ผู้บริหารระดับสูง ไม่มีโครงสร้างที่แน่นอน
6 การสนับสนุนข้อมูล ทั้งภายในและภายนอกองค์กร
7 ผลลัพธ์ที่แสดง ตัวอักษร ตาราง ภาพและเสียง รวมทั้งระบบมัลติมีเดีย
8 การใช้งานกราฟิกสูง จะใช้รูปแบบการนำเสนอต่าง ๆ
9 ความเร็วในการตอบสนอง จะต้องตอบสนองอย่างรวดเร็ว ทันทีทันใด                  

ลักษณะเด่นของ DSS
1 จะช่วย ผู้บริหารในกระบวนการการตัดสินใจ                                                                                        
2 จะถูกออกแบบมาให้สามารถเรียกใช้ทั้งข้อมูลแบบ กึ่งโครงสร้างและ
แบบไม่มีโครงสร้าง
3 จะต้อง สามารถสนับสนุนผู้ตัดสินใจได้ในทุกระดับ แต่จะเน้น
ที่ระดับวางแผนบริหารและวางแผนยุทธศาสตร์                        
4 มีรูปแบบการใช้งานอเนกประสงค์ มีความ สามารถในการจำลองสถานการณ์ 
และมีเครื่องมือในการ วิเคราะห์สำหรับช่วยเหลือผู้ทำการตัดสินใจ
        
  
ข้อดีของระบบ EIS
1. ง่ายต่อผู้บริหารระดับสูงในการใช้งาน
2. การใช้งานไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์
3. ให้สารสนเทศสรุปของบริษัทในเวลาที่ต้องการ
4. ทำให้สามารถเข้าในสารสนเทศได้ดีขึ้น
5. มีการกรองข้อมูลให้ประหยัดเวลา
6. ทำให้ระบบสามารติดตามสารสนเทศได้ดีขึ้น
       

   ข้อด้อยของระบบ EIS
1. มีข้อจำกัดในการใช้งาน
2. อาจทำให้ผู้บริหารจำนวนมากรู้สึกว่าได้รับข้อมูลมากเกินไป
3. ยากต่อการประเมินผลประโยชน์ที่ได้จากระบบ
4. ไม่สามารถทำการคำนวณที่ซับซ้อนได้
5. ระบบอาจนะใหญ่เกินกว่าที่จะจัดการได้
6. ยากต่อการรักษาข้อมูลให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา
7. ก่อให้เกิดปัญหาการรักษาความลับของข้อ


ข้อดีของระบบ DSS
1. ส่งมอบระบบในเวลาอันรวดเร็ว
2. ไม่กำหนดความต้องการของระบบอย่างตายตัว ทำให้ระบบมีความยืดหยุ่น 
ผู้ใช้สามารถปรับและ เปลี่ยนแปลงระบบ ได้ตามความต้องการ
3. ลดปัญหาเมื่อนำระบบ DSS ไปใช้
4. ต้นทุนต่ำ


ข้อเสียของระบบ DSS
1. ประสิทธิภาพต่ำ (Poor Quality)

2. มีความเสี่ยงสูง (Quality Risks)  เมื่อนำไปวิเคราะห์และนำผลลัพธ์ที่ได้นั้นไป

ประกอบการตัดสินใจ หากระบบยังขาดประสิทธิภาพและมาตรฐาน

  อาจส่งผลต่อธุรกิจขององค์กร
  - Substandard or inappropriate tools and facilities : ความยืดหยุ่นและเครื่องมือที่ไม่
เหมาะสมหรือขาดมาตรฐาน
  - Development process risks : ความเสี่ยงในกระบวนการพัฒนา เช่น กระบวนการ

System Develop ไม่ดีพอ ส่งผลต่อผลลัพธ์ที่ได้ เมื่อเรานำโปรแกรมมาใช้งานจริง

  - Data management risks : ความเสี่ยงในการจัดการข้อมูล  ข้อมูลที่นำเข้ามาใช้ใน

ระบบอาจมีความไม่ถูกต้อง  ไม่เหมาะสม  ขาดการ Update ให้เป็นปัจจุบัน

3.ไม่มีระบบรักษาความปลอดภัย (Increased Security Risks)  User  ที่พัฒนาระบบงาน

อาจยังไมคุ้นเคยกับการทำระบบรักษาความปลอดภัยและยังไม่เป็น Professional พอ

4. ปัญหาจากการขาดแคลนเอกสารและคู่มือในการบำรุงรักษาระบบ(Problems from

 Lack of Documentation   and Maintenance Procedures) User เป็นผู้พัฒนาระบบเอง

 ฉะนั้นจะเป็นผู้รู้ระบบงานทุกอย่าง   เราจึงมักจะคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้อง

ทำคู่มือ ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาขึ้นกับคนอื่นที่มาใช้ระบบในภายหลัง

ข้อแตกต่างของ EIS กับ DSS
1.EISได้รับการออกแบบและพัฒนาขึ้นสำหรับจัด  เตรียมสารสนเทศที่เหมาะสม
ในการตัดสินใจของผู้บริหารระดับสูง ขณะที่ DSS ถูกพัฒนาขึ้น เพื่อสนับสนุนการ
ตัดสินใจของผู้จัดการระดับกลาง หรือ นักวิชาชีพ เช่น วิศวกร นักการตลาด 
และนักการเงิน เป็นต้น ให้มีประสิทธิภาพขึ้น
2.EIS ได้รับการออกแบบและพัฒนาให้ง่ายต่อการใช้งาน โดยมีตาราง รูปภาพ 
แบบจำลองและระบบสื่อผสมที่อธิบายข้อมูลอย่างชัดเจน และเป็นรูปธรรม 
ขณะที่ DSS จะให้ข้อมูลการตัดสินใจตามลักษณะงาน โดยผู้ใช้อาจต้องปรับแต่ง
ข้อมูลที่ตนสนใจ ให้อยู่ในลักษณะที่เหมาะ สม กับการใช้งาน
3.EIS ได้รับการออกแบบและพัฒนาให้สามารถนำสารสนเทศมาใช้งานโดยตรง 
ขณะที่ผู้ใช้ DSS สมควรต้องมีทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และสารสนเทศในระดับที่
สามารถใช้งานให้จัดการข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่ต้องการอย่างมีประสิทธิภาพ